กมธ.เดินหน้าแก้กม.ห้ามตีเด็ก เสนอแก้ไขมาตรา 1567 (2) เน้นตักเตือนแทนการลงโทษ รอเสนอสภาฯ ไทยจ่อเป็นประเทศที่ 68 ของโลกที่ยุติความรุนแรงต่อเด็ก

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือกฎหมายห้ามตีเด็ก นำโดยนายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ ประธาน กมธ. และนายวีรภัทร คันธะ โฆษก กมธ. ได้แถลงถึงความคืบหน้าของร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นและเตรียมเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรในขั้นต่อไป

การแก้ไขครั้งนี้มีจุดสำคัญอยู่ที่มาตรา 1567 (2) ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งเดิมกำหนดให้ผู้ปกครองมีสิทธิ์ลงโทษบุตรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอนได้อย่างเหมาะสม กมธ.เสนอให้เปลี่ยนแปลงเป็นการอบรมและตักเตือนแทน เพื่อลดการใช้ความรุนแรง และเน้นแนวทางการเลี้ยงดูเชิงบวก สร้างความเข้าใจแก่สังคมและผู้ปกครอง ซึ่งจะเป็นประโยชน์สูงสุดแก่เด็ก

ประมวลกฎหมายดังกล่าวถูกใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 รวมระยะเวลา 89 ปี แต่ยังไม่เคยมีการแก้ไขสิทธิและหน้าที่ของบิดามารดาในส่วนนี้อย่างเป็นทางการ การแก้ไขจึงเป็นความจำเป็นเพื่อให้สอดคล้องกับหลักการสร้างครอบครัวที่อบอุ่น ปราศจากความรุนแรง

นายวีรภัทร โฆษก กมธ. ระบุว่า จากข้อมูลปี 2565 ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พบว่า เด็กอายุ 1-14 ปีมากกว่าครึ่งหนึ่งเคยถูกอบรมด้วยวิธีการที่รุนแรง และร้อยละ 38.6 ของเด็กกลุ่มนี้เคยถูกลงโทษทางร่างกาย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสะท้อนถึงปัญหาความรุนแรงในครอบครัว

การแก้ไขกฎหมายนี้มุ่งหวังให้สังคมตระหนักถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและการเลี้ยงดูด้วยความรักและความเข้าใจ แทนการใช้ความรุนแรงซึ่งอาจสร้างความหวาดกลัวและทำลายความไว้วางใจระหว่างเด็กและผู้ปกครอง

ปัจจุบันมี 67 ประเทศทั่วโลกที่ออกกฎหมายห้ามใช้ความรุนแรงต่อเด็ก หากกฎหมายฉบับนี้ผ่านการพิจารณาของสภาฯ ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศที่ 68 ของโลก และเป็นประเทศที่ 2 ในภูมิภาคอาเซียนที่ใช้กฎหมายนี้อย่างเป็นทางการ เพื่อยุติการใช้ความรุนแรงในครอบครัวอย่างถาวร.

#ข่าวทั่วไป