ข้อมูล 2 ล้านชื่อของคนไทยถูกขายบน Dark Web

0 Comments

การรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลมากถึง 2.2 ล้านรายจากกระทรวงสาธารณสุขของไทย และถูกนำไปขายบนเว็บลึก (Dark Web) ในราคา 10,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 360,000 บาท ได้กลายเป็นประเด็นที่น่าวิตกกังวลอย่างยิ่งในหมู่ชุมชนออนไลน์ และหมู่คณะวิชาชีพ เหตุการณ์นี้ถูกเปิดเผยโดยเฟซบุ๊ก ‘ชมรมแพทย์ชนบท’ ซึ่งโพสต์ภาพหน้าเว็บไซต์ที่ประกาศขายข้อมูล ข้อมูลที่รั่วไหลประกอบด้วยชื่อสกุล, เบอร์มือถือ, เลขบัตรประชาชน, และวันเดือนปีเกิดของผู้ป่วย ความเหตุการณ์นี้ยังตรงกับครบรอบ 1 ปีของการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ชอบด้วยแฮกเกอร์ 9near ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยข้อมูลของประชาชนถูกวางไว้ในสถานการณ์ที่เสี่ยงอย่างมาก

การรั่วไหลข้อมูลครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในระบบข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งอาจมีผลกระทบที่สำคัญต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในระบบสาธารณสุขของประเทศ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแหล่งที่มาของการรั่วไหลนี้ยังคงอยู่ ไม่ชัดเจนว่าเป็นผลจากการโจมตีของแฮกเกอร์หรือเป็นความผิดพลาดจากภายใน

เพื่อตอบสนองต่อความกังวลนี้ ชมรมแพทย์ชนบทได้เรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งดำเนินการสืบสวนและปิดกั้

นจุดอ่อนในระบบข้อมูลของตน เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต การรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่มีความรุนแรงและส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ ไม่เพียงแต่ทำให้พวกเขาเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์หรือการฉ้อโกง แต่ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นในความสามารถของรัฐบาลในการปกป้องข้อมูลของพลเมือง

นอกจากนี้ ข้อความจากเพจ ‘ชมรมแพทย์ชนบท’ ยังระบุถึงการประกาศขายข้อมูลบุคคลอีก 55 ล้านชื่อที่หลุดจากกระทรวงสาธารณสุขในช่วงเดือนมีนาคม 2566 และอีกครั้งในเดือนมีนาคม 2567 ที่มีข้อมูล 2.2 ล้านรายถูกประกาศขาย การรั่วไหลของข้อมูลเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาอย่างต่อเนื่องในระบบการปกป้องข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข และเน้นย้ำความจำเป็นในการพัฒนามาตรการความปลอดภัยที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตามที่เพจ ‘ชมรมแพทย์ชนบท’ ได้กล่าวไว้ หนึ่งในปัญหาหลักคือการขาดแคลนทรัพยากรและการสนับสนุนจากส่วนกลางสำหรับการปรับปรุงความปลอดภัยทางไซเบอร์ในโรงพยาบาลและสถานบริการสาธารณสุขต่างๆ แม้จะมีนโยบายจากกระทรวงสาธารณสุขที่กำหนดให้ทุกโรงพยาบาลต้องเพิ่มความปลอดภัยข้อมูล แต่ก็ไม่มีการจัดสรรงบประมาณที่เพียงพอสำหรับการดำเนินการนี้ ซึ่งทำให้โรงพยาบาลต่างๆต้องดิ้นรนหาวิธีป้องกันและจัดการกับปัญหาความปลอดภัยด้วยตัวเอง

#ข่าวทั่วไป

Related Posts

วิจารณ์สนั่น! แชตไลน์หัวหน้าทำลูกน้องทนไม่ไหว

0 Comments

โซเชียลเดือด! แชตไลน์หัวหน้ากระตุ้นประเด็นปัญหาการทำงาน คาดเป็นสาเหตุทำลูกน้องทนไม่ไหว เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 เรื่องร้อนในโลกออนไลน์เกิดขึ้น เมื่อเพจเฟซบุ๊ก "อีซ้อขยี้ข่าว…

จ่อเสนอร่างกม.ห้ามตีเด็ก ให้ผู้ปกครองทำโทษได้เพียงตักเตือน ยุติความรุนแรงต่อเด็ก

0 Comments

กมธ.เดินหน้าแก้กม.ห้ามตีเด็ก เสนอแก้ไขมาตรา 1567 (2) เน้นตักเตือนแทนการลงโทษ รอเสนอสภาฯ ไทยจ่อเป็นประเทศที่ 68 ของโลกที่ยุติความรุนแรงต่อเด็ก เมื่อวันที่…

คนไทยกว่า 70% ให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดี มุ่งเน้นดูแลสุขภาพแบบองค์รวม

0 Comments

คนไทยใส่ใจสุขภาพมากขึ้น เน้นดูแลแบบองค์รวม พร้อมเปิดแคมเปญใหม่โดย Virgin Active Thailand การดูแลสุขภาพในปัจจุบันไม่ได้จำกัดเพียงแค่การออกกำลังกาย แต่ครอบคลุมถึงการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างมีประสิทธิภาพ…